สรุปการอ่านตามประสาชาวบ้านหนึ่ง: The Gap — Right and Wrong — Morality

wittynutt
3 min readMar 4, 2021

--

The Gap - Right and Wrong — Morality [cover page]

ประเด็นสุดจะอ่อนไหวเกี่ยวกับจริยธรรม (Morality) และความผิดชอบชั่วดีที่เราต่างมีในหัวใจ (?) อาจอธิบายได้ด้วยจิตวิทยาวิวัฒนาการ

หมายเหตุ: อ้างอิงคำแปล “morality”จาก เพจ Psychology CU ฐานงานวิจัยในหมวดที่เกี่ยวข้องกับจิตวิทยาของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเอกสารทฤษฎีพัฒนาการทางจริยธรรมของโคลเบิร์ก

อ้างอิงเนื้อหา: The Gap: The Science of What Separates Us from Other Animals 1st Edition by Thomas Suddendorf (บทที่ 9)

สนใจชมสไลด์ฉบับเต็ม: click

คำเตือน

บทความนี้เป็นการสรุปเนื้อหาจากหนังสือเพียงบทเดียว โดยมีการอธิบายเพิ่มเติมตามความเข้าใจของผู้เขียน จึงอาจมีเนื้อหาที่และความหมายที่คลาดเคลื่อนไปอันเนื่องมาจากความต่างของภาษา การให้รายละเอียดของถ้อยความ รวมถึงอาจขาดการอ้างอิงหลักฐานทางวิชาการประกอบ ควรมีวิจารณญาณในการอ่าน

The Gap — Right and Wrong — Morality [1]

จริยธรรม (Morality) เป็นเรื่องของการประเมินความคิดและพฤติกรรมของเราและผู้อื่นว่าถูกหรือผิด โดยหนังสือกล่าวว่า ความเห็นอกเห็นใจ (Empathy) หรือ ความสามารถในการเข้าใจและใส่ใจความรู้สึกของผู้อื่น เป็นส่วนประกอบสำคัญ

สติรู้ผิดชอบ (Conscience) และจริยธรรมนี้เองจะมีส่วนสำคัญในการกำหนดทิศทางของพฤติกรรม รวมไปถึงการสนับสนุนให้เกิด การร่วมมือในระยะยาว (long-term Cooperation) และ วิวัฒนาการทางด้านวัฒนธรรม (Cultural evolution) ในสังคมมนุษย์

โดยทั่วไป มีคุณสมบัติของจริยธรรม (morals) ที่น่าสนใจอยู่ 2 ข้อซึ่งต่างไปจากขนบธรรมเนียม (convention) คือ จริยธรรมมีลักษณะเป็นข้อกำหนดเงื่อนไข (prescriptive) และ สามารถใช้ได้โดยทั่วไป (universally enforceable) ซึ่งหากละเมิดแล้วจะนำไปสู่ความเสียหาย

อย่างไรก็ตาม ในบางวัฒนธรรมอาจมีการผูกโยงการละเมิดข้อปฏิบัติขนบธรรมเนียมให้ไปร้ายแรงเท่ากับการละเมิดข้อข้อกำหนดทางจริยธรรม ด้วยการถือให้เกิดเป็นความเสียหายในเชิงคุณค่าหรือจิตวิญญาณแทนความเสียหายจริง ๆ ที่เกิดขึ้น เป็นต้น

THE GAP — RIGHT AND WRONG — MORALITY PAFE 186
Ref. The Gap p.186

ผู้เขียนยังอ้างอิงแนวคิดของ ชาลส์ ดาวินส์ (Charles Robert Darwin) บิดาแห่งทฤษฎีวิวัฒนาการ เกี่ยวกับการเลือกทำสิ่งเลวร้ายจากความคิดรู้ผิดชอบชั่วดีที่ผิดเพี้ยน ผู้เขียนยกตัวอย่างคุณปู่ของตัวผู้เขียนเองซึ่งเป็นทหารเกณฑ์ชาวเยอรมันว่า คนกลุ่มนี้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำตามคำสั่ง ไม่ต่อต้าน หรือหันหลังให้กองทัพ นั่นก็เป็นเพราะพวกเขาเชื่อในข้อมูลที่ได้รับมาและเชื่อว่าการกระทำการใด ๆ นั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องและเชื่อว่า “ตนเองเป็นคนดี”

The Gap — Right and Wrong — Morality [2]

โดยปกติ เรามักจะมีข้อถกเถียงกันเสมอว่า คนเราเกิดมาเป็นคนดีหรือคนเลวกันแน่ แต่เมื่อเรามาถึงจุดนี้ จึงอยากจะขอชี้ให้เห็นว่า ในเชิงจริยธรรม เราอาจจะมองว่าการเป็นคนดีคือด้านเดียวที่เราต้องการ แต่ในเชิงวิวัฒนาการแล้ว การเป็นคนดีหรือคนเลวนั้นเป็นประโยชน์ต่อการปรับตัวในสังคมตามแต่บริบทและสถานการณ์ที่แตกต่างกันออกไป

The Gap — Right and Wrong — Morality [Frans de Waal, Foundation of Morality [3 levels]]

Frans de Waal แบ่งพื้นฐานทางจริยธรรมออกเป็น 3 ลำดับขั้น ได้แก่

  1. ความเห็นอกเห็นใจและการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
  2. แรงกดดันทางสังคมหรือภายในกลุ่มส่งผลให้แต่ละคนอยู่ในระบบระเบียบ
  3. ความสามารถในการสะท้อนการตัดสินและการให้เห็นผลทางจริยธรรมของตนเอง

โดยข้อ 1. และข้อ 2. จะมีเนื้อหาเกี่ยวโยงไปกับบทที่แล้วในส่วนของวัฒนธรรมและอารยธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการร่วมมือกัน (Cooperation)

The Gap — Right and Wrong — Morality [Cooperation]

เป้าหมายของการร่วมมือกันจนเกิดเป็นวัฒนธรรมนั้น ทำให้สมาชิกในสังคมมีความคิดความอ่าน ทำและเชื่อเหมือน ๆ ตาม ๆ กัน ตรงจุดนี้ก่อให้เกิดปรากฎการณ์ที่เรียกว่า แรงกดดันทางสังคม (social pressure) ตามมา ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการคดโกงขึ้น อีกทั้งยังเป็นการสนับสนุนคนในสังคมให้มาร่วมมือกันผ่านการให้รางวัลหรือลงโทษ การอนุมัติและไม่อนุมัติทางสังคม

สังคมจะเกิดความร่วมแรงร่วมใจกันได้ ต้องอาศัยองค์ประกอบ 2 ข้อ ได้แก่

  • ความเชื่อใจกัน (Mutual trust) ในสังคมมนุษย์นั้น แม้ว่าจะเป็นคนละชาติหรือคนละกลุ่มก็สามารถร่วมมือกันได้ เมื่อทั้งสองฝ่ายเชื่อว่าทั้งตนเองและอีกฝ่ายต่างอยู่ภายใต้ความเข้าใจ กฎ หรือเงื่อนไขความประพฤติเดียวกัน เช่น ศาสนา ในแง่ที่ว่า เพราะเราเชื่อในสิ่งเดียวกัน เราจึงอยู่ภายใต้กฎเดียวกัน นอกจากนี้ ศาสนายังถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่ถูกใช้เพื่อปักธงทางความคิดความเชื่อของคน และในแง่หนึ่งยังเป็นตัวเร่งให้เกิดความยอมตาม ความร่วมมือ จนเกิดเป็นอารยธรรมต่าง ๆ ขึ้นมา
  • การมีสถาบันหรือหน่วยงานที่ทำหน้าที่ป้องกัน ปราบปราม และจัดระบบระเบียบในสังคม (Institutions) เช่น กฎหมาย และ คำสั่ง ซึ่งถูกควบคุมและบังคับใช้โดยผู้นำ รัฐ ศาล เป็นต้น จุดประสงค์ของการมีองค์กรเหล่านี้ขึ้น หากกล่าวตามหลักจิตวิทยาวิวัฒนาการแล้ว ก็คือเพื่อลดความรุนแรงในสังคม และเพื่อเพิ่มความร่วมมือกันในสังคมนั่นเอง
The Gap — Right and Wrong — Morality [Moral codes]

ข้อปฏิบัติทางจริยธรรม (Moral codes) หรือกฎเพื่อการปฏิบัติตามจึงถูกกำหนดขึ้น ทั้งในรูปแบบที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการในแต่ละสังคม ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว อาจแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้

  • ข้อควรปฏิบัติ (obligation) เช่น การตอบแทนบุญคุณ การรักษาสัญญา การปกป้องคนที่อ่อนแอกว่า
  • ข้อห้าม (prohibition) เช่น การฆ่า การขโมย และการโกหก เพราะสามสิ่งนี้มักเป็นปัจจัยหลักที่จะทำลายระบบความร่วมมือ (Cooperative system) ในสังคม
  • ข้อนี้มันเกินหน้าที่ แต่ทำแล้วดี เยี่ยมจริง ๆ เยี่ยมจริง ๆ (virtue) (*หาคำแปลดี ๆ ไม่ได้อ่า) เช่น การปกป้องเด็กเล็กในเหตุการณ์ก่อการร้าย เสี่ยงภัยปกป้องผู้อ่อนแอ ซึ่งสังคมให้คุณค่าพฤติกรรมเหล่านี้ ให้เกียรติ ให้ชื่อเสียง และให้ความนับถือคนผู้นั้น
The Gap — Right and Wrong — Morality [3.1]

นอกเหนือไปจากข้อ 1. และ 2. ที่ให้ความสำคัญในการอยู่เป็นสังคมแล้ว ลำดับขั้นสุดท้ายของจริยธรรมคือ ความสามารถในการสะท้อนการตัดสินและการให้เหตุผลเกี่ยวกับผิดชอบชั่วดีของตัวเอง นั่นคือ การที่เราสามารถควบคุมความคิด ความต้องการ และการกระทำของเราได้ แม้กระทั่งแรงขับเคลื่อนทางธรรมชาติ เช่นความปรารถนาที่จะมีชีวิตรอดหรือการสืบพันธุ์ ซึ่งก็เป็นเพราะเรามีสำนึก มีหลักการที่ยึดถือ มีเป้าหมายและเหตุผล ซึ่งทำให้เรารู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด และการตัดสินใจเลือกในทางใด ๆ ด้วยตัวเอง หรือที่เรียกว่า “เจตจำนงเสรี” (free will) อย่างไรก็ตาม ราคาที่ต้องจ่ายสำหรับการได้มาซึ่งความสามารถนี้ก็คือ คุณต้องรับผิดชอบต่อผลของการเลือกของตัวเอง

และการที่เราจะมาถึงจุดที่มีความสามารถในระดับนี้ได้ ก็จำเป็นต้องมี Executive function หรือ ความสามารถในการควบคุมตัวเอง (self-control)

The Gap — Right and Wrong — Morality [Comparing human and animal]
ตารางเปรียบเทียบความต่างด้านจริยธรรม (Morality) ระหว่างคนและสัตว์

ในขณะที่สัตว์ยังมีข้อจำกัดเรื่องความสามารถในการอ่านความคิดผู้อื่น (mind reading), ภาษา (language), การสั่งสอน (intentional teaching), ความคิดข้ามเวลา (mental time travel), และการให้เหตุผล (reasoning) ทำให้พฤติกรรมของสัตว์โดยภาพรวมจะเลือกเชื่อกันในฝูงเป็นหลัก และจากลำดับขั้นทางจริยธรรม สัตว์แสดงให้เห็นเพียง 2 ขั้นแรกเท่านั้น

  1. สัตว์ยังไม่มีการแสดงออกเกี่ยวกับความเห็นอกเห็นใจอย่างชัดเจน
  2. มีสัตว์แค่บางชนิดเท่านั้นที่เรียนรู้จากการได้รับรางวัลและบทลงโทษ

ในขณะที่มนุษย์มีวัฒนธรรม ทำให้เราสามารถทำนายทิศทางพฤติกรรมของกันและกันได้ และนั่นก็ส่งเสริมให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจและสร้างความร่วมมือระหว่างกัน นอกจากนี้ในมิติต่าง ๆ ยังส่งเสริมให้เห็นว่าการร่วมมือกันเป็นกลยุทธ์เพื่อผลประโยชน์และผลลัพธ์ที่ดีกว่า นอกจากนี้มนุษย์ยังแสดงให้เห็นถึงการมีลำดับขั้นทางจริยธรรมทั้ง 3 ขั้นอย่างครบถ้วนสมบูรณ์

The Gap — Right and Wrong — Morality [Ending]

ในท้ายที่สุดนี้ เราอาจเห็นได้ในช่วงหลายทศวรรตที่ผ่านมา ยิ่งสังคมมนุษย์ขับเคลื่อนไปข้างหน้ามากขึ้นเท่าไหร่ เราต่างก็จะมีเมตตา ความเห็นอกเห็นใจ ตระหนักถึงสิทธิและคุณค่าของทุกชีวิตสันติภาพ ความเป็นพลเมืองมากขึ้นเรื่อย ๆ

ยิ่งเราตระหนักถึงผลกระทบของการกระทำของตัวเอง มากขึ้นเท่าไหร่ เราจะยิ่งคิดถึงเรื่องความถูกต้องมากขึ้นเท่านั้น

และในยุคโลกาภิวัฒน์เช่นนี้ มนุษย์ก็จะยึดถือ moral codes อะไรที่เป็นสากลมากขึ้น

--

--

wittynutt
wittynutt

Written by wittynutt

Greedy Learner | Spectator | Hedonist

No responses yet